ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม นักมวยไทยดาวรุ่งวัย 25 ปี ผู้นิยามตนเองว่าเป็น “นักล่าฝัน” (Dream Chaser) กับคติประจำใจ “ฝันให้ไกล ไปให้ถึง” ได้พาเขาฝ่าฟันสู่ความสำเร็จไปแล้วในหลายๆ สังเวียนชีวิต นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างของคนที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา พร้อมก้าวผ่านทุกอุปสรรคด้วยความ “ทน พร้อม ลุย” จนก้าวสู่ความสำเร็จในวงการมวยไทยอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งวันนี้ ตะวันฉายยังพร้อมมุ่งหน้าสู่ความฝันอันยิ่งใหญ่กว่าเดิม
เส้นทางนักสู้แบบฉบับตะวันฉาย
ตะวันฉาย หรือ ณรงค์ศักดิ์ แก้วมาลา เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดี แต่ชีวิตกลับพลิกผันเมื่อธุรกิจครอบครัวประสบกับวิกฤตต้มยำกุ้งจนธุรกิจครอบครัวต้องปิดตัวลง จากเด็กที่เคยมีทุกอย่าง มีครอบครัวที่ดำเนินธุรกิจมากมายในจังหวัดชลบุรี กลายเป็นต้องย้ายออกมาอาศัยในบ้านเช่า และเหลือเพียงรถมอเตอร์ไซค์คันเดียว
แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขายอมแพ้ต่อโชคชะตา ด้วยความหลงใหลในกีฬามวยไทย ตะวันฉายเริ่มฝึกวิชามวยตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ที่ค่ายเพชรรุ่งเรือง จังหวัดชลบุรี จากความมุ่งมั่นในการฝึกฝน บวกกับความพยายามที่จะช่วยเหลือครอบครัวให้พ้นจากความลำบาก เป็นตัวจุดประกายความฝันให้นักมวยรุ่นเด็กอย่างเขาออกลุยบนเส้นทางสังเวียนมวยไทย โดยเริ่มจากค่าตัว 700 บาทที่ทำให้ตะวันฉายเริ่มตั้งเป้าค่าตัวที่ต้องไปให้ถึง แม้จะไม่ใช่เป้าหมายที่บรรลุได้ง่ายๆ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและอดทน ทำให้ความสำเร็จค่อยๆ ก่อตัวขึ้น จนต่อมาได้ย้ายมาอยู่ค่าย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิมในกรุงเทพฯ ที่ที่ทำให้เขาได้รับโอกาสสร้างค่าตัวตามที่ตั้งเป้าไว้
“จากค่าตัว 700 บาท และเพิ่มขึ้นเป็นหมื่นกว่าบาทตอนอายุสิบต้นๆ ตอนนั้นเลยคิดในใจว่าวันหนึ่งอยากได้ค่าตัวสัก 50,000 บาทกับแชมป์เส้นหนึ่ง และพอตอนอายุ 18 ก็ทำได้จริงๆ จากวันนั้นมันก็ฝันอีก ฝันไปเรื่อยๆคือกล้าที่จะฝันแล้วต้องทําให้ได้ ผมจะจดว่าผมต้องการอะไร พออายุเท่านี้ต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ ทั้งหมดก็เพื่อตัวเองกับครอบครัว” ตะวันฉาย กล่าว
ด้วยการถือคติในการใช้ชีวิตและการเป็นนักมวยที่ใช้ความอดทนและความพยายามเป็นที่ตั้ง ไม่ว่าจะเจออุปสรรคใดๆ ทำให้ตะวันฉายสู้ไม่ถอย เพราะในใจมีแต่คำว่าสักวันจะเอาชนะให้ได้ เห็นได้ชัดเจนจากการแข่งขันทุกสังเวียนที่ต้องสู้ทน แม้จะเจ็บขนาดเบ้าตาแตก แต่ก็สามารถเอาชนะมาได้ด้วยความอดทน ไม่ท้อ ไม่ถอย ไม่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้คนใดก็ตาม
ลบคำสบประมาทสู่เส้นทางแชมป์
“ความอดทน” และ “วินัยในการฝึกซ้อม” เป็นอาวุธสำคัญสำหรับนักกีฬามวยทุกคน รวมถึงตะวันฉาย เพราะเพียงแค่ความอดทนบนสังเวียนนั้นไม่เพียงพอ แต่การอดทนในการซ้อมก็สำคัญไม่แพ้กัน ทุกวันตะวันฉายจะตื่นเช้าเพื่อเริ่มซ้อม ตั้งแต่การวอร์มร่างกายด้วยการวิ่งไปจนถึงการซ้อมออกอาวุธและเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ต่างๆ ซึ่งบ่อยครั้งทั้งเหนื่อย อ่อนล้า และอาจได้รับบาดเจ็บ แต่การฝึกฝนอย่างหนักหน่วงทำให้ตะวันฉายเพิ่มขีดความสามารถของตนเองขึ้นไปเรื่อยๆ อีกทั้งยังเป็นการฝึกจิตใจให้อดทน ลุยต่อไปได้ในทุกสังเวียน
อย่างไรก็ตาม แม้เส้นทางการเป็นนักมวยจะมีแนวโน้มที่สดใส แต่ตะวันฉายก็ยังเผชิญกับคำสบประมาทมากมาย ทั้งทางด้านฝีมือ หรือแม้กระทั่งรูปลักษณ์ทางร่างกายของเขา แต่นั่นไม่เคยทำให้ย่อท้อหรือเสียกำลังใจ ตะวันฉายกลับใช้คำพูดเหล่านั้นมาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองคว้าชัยชนะ เลือกที่จะปล่อยผ่านเพราะเชื่อมั่นและรู้จักตัวเองเป็นอย่างดี
“ถ้าใครรู้จักผมหรือติดตามผมตั้งแต่เล็กๆ เขาจะรู้ว่าผมสู้แค่ไหน ถ้าผมไม่สู้ก็คงแพ้ตั้งแต่อายุ 13 แล้ว ผมสู้มามากกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจ ผมเชื่อมั่นในความสามารถและวินัยของตัวเองที่ทำให้ผมก้าวเข้ามาถึงจุดนี้ได้ คนที่บอกว่าเรามีดีแค่หน้าตา ผมคงพูดได้แค่ว่า ผมจะอดทนรอคอยเพื่อพิสูจน์ตนเองว่าผมทำได้จริง”
ตัวแทนของคนสู้ชีวิต กับ สโลแกน “ทน พร้อม ลุย” ของ นิสสัน นาวารา
ด้วยความหลงใหลในรถยนต์ตั้งแต่เด็กที่สืบทอดมาจากคุณพ่อของ โดยเฉพาะรถยนต์นิสสัน รุ่น GT-R และความใฝ่ฝันว่าจะได้ครอบครองรถคันนี้ในสักวันหนึ่ง และเมื่อได้รับการติดต่อจากนิสสัน ตะวันฉายจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการรับบทบาทตัวแทนคนสู้ชีวิตในการเปิดตัวนิสสัน นาวารา รุ่นใหม่ ปี 2024 ซึ่งตะวันฉายมองว่า นิสสัน นาวารา สะท้อนตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดี ทั้งในแง่ของความแข็งแกร่ง อดทน และพร้อมลุยในทุกสถานการณ์ แถมด้วยดีไซน์ที่ดูแข็งแกร่ง ดุดัน ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของตะวันฉาย
“ที่บ้านผมขับนิสสัน นาวาราอยู่แล้วและคุณพ่อก็เป็นแฟนนิสสัน พอมาเจอรุ่นใหม่ปี 2024 ยิ่งชอบ เพราะดีไซน์สวยทั้งภายนอกและภายใน ใช้ได้ทั้งส่วนตัวและครอบครัว สะท้อนความเป็นตัวผมทั้งเรื่องความอดทน กล้าลุยออกมาได้อย่างชัดเจน รถมีช่วงล่างที่แข็งแรง ขับแล้วมั่นใจว่าพาเราไปได้ทุกที่ ทั้งขับไปซ้อมในชีวิตประจำวันหรือแม้แต่ในวันที่เอาออกไปเที่ยวแล้วเจอโคลน เจอทางลูกรัง มันก็ไปได้ไม่สะดุด” ตะวันฉายกล่าวด้วยความชื่นชอบ
ชีวิตนอกสังเวียนและความฝัน
แม้จะประสบความสำเร็จมากมาย แต่ตะวันฉายก็ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง เจ้าตัวยังคงมุ่งมั่นรักษาแชมป์ เพราะรู้ดีว่าเส้นทางยังยาวไกลและไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อการรักษาแชมป์นั้นยากยิ่งกว่าการเป็นแชมป์ และยังมีคู่ชกจากทั่วโลกอีกมากมายที่มากด้วยความสามารถ ทำให้เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้วัดฝีมือกับนักชกเก่งๆ เหล่านั้นนอกจากความสำเร็จบนเวที นักล่าฝันอย่างตะวันฉายยังได้เผยอีกหนึ่งความฝันที่อยากจะทำให้สำเร็จ นั่นคือ การเปิดค่ายมวยแบบครบวงจร ที่มีทั้งสนามมวย ยิม สระว่ายน้ำ ซาวน่าและคาเฟ่ในที่เดียวกัน ด้วยเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ๆ อีกทั้งตะวันฉายยังมีแฟนคลับจากหลากหลายประเทศ ไม่ว่าจากอเมริกาและอังกฤษที่บินมาเพื่อฝึกมวยไทยกับเขาที่ค่าย นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะลงมือทำธุรกิจนี้ด้วยตัวเอง
เพราะความมุ่งมั่นและความฝันที่ไม่สิ้นสุด ตะวันฉายจึงกล่าวสรุปเส้นทางที่ทน พร้อม ลุยของตัวเองไว้ว่า “สิ่งสำคัญสำหรับผมตอนนี้คือการรักษาตำแหน่งแชมป์ มุ่งมั่นในเส้นทางมวยเป็นหลัก และยังสู้ต่อไปในเส้นทางนี้เพราะยังชอบที่จะต่อยมวย และในอนาคตผมอยากจะเป็นแชมป์ให้ได้ในทุกกติกาของ ONE Championship และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม จึงจะหันไปเปิดค่ายของตัวเอง เพราะผมเป็นคนชอบคิด ชอบฝัน และเมื่อเห็นอะไรแล้วมองว่ามันเป็นไปได้ ผมก็อยากจะทำให้สำเร็จ”
สำหรับผู้ที่กำลังไล่ตามความฝัน ตะวันฉายมีข้อคิดฝากไว้ว่า ไม่จำเป็นแค่กับนักมวย แค่ทำในสิ่งที่รัก ไม่ว่าในอาชีพอะไร ให้รักในอาชีพที่ทำ แล้วก็โฟกัสกับสิ่งเหล่านั้นให้เต็มร้อย มีวินัย ขยัน แล้วก็ทำให้มันสม่ำเสมอพร้อมย้ำว่าไม่ว่าจะเจออุปสรรคใดๆ ในชีวิต ขอให้ “ทน พร้อม ลุย” ในการไล่ตามความฝันของทุกคน
No comments:
Post a Comment