บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ฉลองครบรอบ 100 ปี พร้อมเดินหน้าสร้างสีสันวงการยานยนต์ไทย ส่งยนตรกรรมใหม่เปิดตัวต่อเนื่อง นำโดย NEW MG CYBERSTER สปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง รุ่นพวงมาลัยขวา ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน พร้อมด้วย แฮทช์แบ็คไฟฟ้าที่ขับสนุกและเร้าใจอย่าง NEW MG4 ELECTRIC นำโดยรุ่น XPOWER และอีก 2 รุ่นที่ผลิตภายในประเทศ กับ รุ่น STANDARD RANGE และ รุ่น LONG RANGE บิ๊กเซอร์ไพรส์ ที่เปิดโอกาสให้คนไทยได้สัมผัสและเป็นเจ้าของก่อนใคร กับ E-MPV ไซส์กลาง อย่าง NEW MG MAXUS 7 และชูความเป็นสปอร์ต คูเป้ซีดานที่แตกต่างกว่าใครกับ NEW MG5 PRO โฉมล่าสุด มาพร้อมห้องโดยสารที่กว้างที่สุดในเซกเมนต์ และการออกแบบโฉมใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยวกว่าเดิม พร้อมให้คนไทยพบกับ 4 สุดยอดไฮไลท์เด่นและยนตรกรรม ทุกรูปแบบการขับเคลื่อนจาก เอ็มจี ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (Motor Show 2024) ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึงวันที่ 7 เมษายนนี้ ณ บูธ เอ็มจี หมายเลข A8 อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี


ต่อยอดความสำเร็จของ “โกลบอลอีวีรุ่นยอดฮิต”
กับประสบการณ์ครั้งใหม่ของ NEW MG4 ELECTRICNEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้า 100%
มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “ICON” นิยามของการเป็นต้นแบบและมาตรฐานใหม่ของรถอีวีที่ขับสนุก
พัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ที่ดีไซน์มาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ พร้อมจุดเด่นอันหลากหลาย อาทิ การกระจายน้ำหนัก แบบสมมาตร 50:50 ตัวถังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (Low Centre of Gravity) ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ
แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังอิสระแบบ
5-Link Suspension ทำให้ NEW MG4
ELECTRIC มีสมรรถนะและการควบคุมที่ดีเยี่ยม พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 26 ระบบ โดย เอ็มจี ได้ต่อยอดความสำเร็จของยนตรกรรมรุ่นนี้
ด้วยการเพิ่มรุ่น ที่ถือเป็น ICON ของ NEW MG4 ELECTRIC อย่าง XPOWER ที่มาพร้อมขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่กับระบบขับเคลื่อน
4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 435 แรงม้า (320 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100
กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.8 วินาที แบตเตอรี่
Rubik’s Cube Battery ขนาดความจุ 64 kWh (NMC) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ภายนอกตัวถังสีใหม่สีเขียว Wild Hunter Green พร้อมด้วยหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ภายในให้ความสปอร์ตพรีเมียมด้วยวัสดุที่ใช้หุ้มเบาะที่ผสมผสานระหว่างหนังสังเคราะห์และหนังอัลคันทาร่าพร้อมเพิ่มเติมระบบ
One Pedal เข้ามา เฉพาะในรุ่น XPOWER
และรุ่นที่ผลิตจากสายการผลิตในไทยอย่าง รุ่น STANDARD RANGE (49kWh) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 423 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้งตามมาตรฐาน NEDC และ รุ่น LONG RANGE (64kWh) สามารถวิ่งได้ระยะทาง
540 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
ตามมาตรฐาน NEDC ที่พร้อมมอบ “ความเป็นที่สุด” ของ “แฮทช์แบ็คอีวีที่ขับสนุก” (THE BEST ENJOYABLE EV) โดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า
ให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า
และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร
พร้อมปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมฟังก์ชันทั้งภายนอกและภายในรถ อาทิ ADAPTIVE GRILLE ช่วยระบายความร้อนของรถแบบอัตโนมัติ
รวมถึงติดตั้ง ใบปัดน้ำฝนด้านหลัง
หน้าจอสีระบบสัมผัสที่ปรับให้ใหญ่ขึ้นจาก 10.25 นิ้ว เป็นขนาด
12 นิ้ว เพิ่มช่องวางแก้วด้านข้างประตู
และเพิ่มราวมือจับสำหรับผู้นั่งโดยสาร (Assist Grip) 3 ตำแหน่ง
สำหรับรุ่น STANDARD RANGE มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อม AERO WHEEL COVER และในรุ่น LONG RANGE มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด
18 นิ้ว พร้อมสีตัวถังใหม่สีส้ม (Fizzy Orange)
E-MPV ไซส์กลาง NEW MG MAXUS 7 ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ากลุ่มครอบครัวสมัยใหม่
กล้าเป็นตัวเองในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร กับ NEW MG5 PRONEW MG5 PRO กับจุดเด่นของการเป็นสปอร์ตคูเป้ซีดานโดยโฉมล่าสุดนี้ เอ็มจี ปรับให้โฉบเฉี่ยวสะกด ทุกสายตายิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น
กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ Black Chrome Gladius Grille Design เสริมความเป็นสปอร์ตพรีเมียมด้วยวัสดุ Smoke Chrome รอบคัน
และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีดำ
ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ใหม่ คงจุดเด่นด้วยห้องโดยสารที่กว้างสุดในเซกเมนต์
จัดเต็มด้วยฟังก์ชันที่ให้มาครบครัน พร้อมดีไซน์สุดล้ำ
โดยเฉพาะการออกแบบคอนโซลกลางแบบ Driver-focus
cockpit ที่ให้องศาที่เหมาะกับตำแหน่งคนขับ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง หลังคาซันรูฟขนาดใหญ่ และคำนึงถึงผู้ใช้รถด้วยช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
หน้าจอทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple
Car Play และ Android Auto แบบไร้สาย
รวมถึงระบบกุญแจ แบบ Digital Key ที่สามารถรับ-ส่งโค้ดผ่านทางแอพพลิเคชั่น i-SMART โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องใช้กุญแจในการสตาร์ท ให้ผู้ใช้งานรถมั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปที่ทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว (ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION
SYSTEM) สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ
มาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก
EBD และระบบเสริม แรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot
Detection System ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 3 มิติ
ระบบควบคุมการทรงตัวในขณะเข้าโค้ง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและการลื่นไถล
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน ถุงลมนิรภัย 6 จุด มาพร้อมสีตัวถังที่มีให้เลือกมากถึง 6 สี
โดยมีสีใหม่อย่างสีเขียว Mineral Green เป็นสีไฮไลท์
พบกับ ทัพยนตรกรรมคุณภาพครบทุกรุ่นทุกรูปแบบการขับเคลื่อนของ เอ็มจี พร้อมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่
และรับข้อเสนอสุดพิเศษมากมายภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (Motor Show 2024) ณ บูธ เอ็มจี หมายเลข A8 อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค
เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายนนี้
และที่โชว์รูมและศูนย์บริการของเอ็มจีกว่า 150
แห่งทั่วประเทศ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ
เอ็มจีได้ที่
Website: www.mgcars.com
Line: @MGThailand
Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand
Twitter: @mg_thailand
Instagram: @mgthailand
Youtube: MG Thailand
TikTok: @mgthailand
Application: MG Thailand
#MGThailand #MGCarsTH #EVPIONEER #MGCYBERSTER #MG4 #MG4ELECTRIC #MG5 #NEWMG5 #MGMAXUS7 #NEWMGMAXUS7
No comments:
Post a Comment