● สามในห้าของยอดขายรถวอลโว่ที่จำหน่ายในประเทศไทยในปี 2023 เป็นรถไฟฟ้าไลน์อัพ Pure Electric
คุณถนอมศักดิ์ สันทนาประสิทธิ์ - ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารประสบการณ์ลูกค้า บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ซ้าย)
คุณคริส เวลส์ -
กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่สองจากซ้าย)
คุณภัทรพงษ์ อชะปาละศิริ -
ผู้อำนวยการฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่สองจากขวา)
คุณนิชานันท์ ปัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด (ขวา)วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จด้วยยอดขายรถในประเทศภายในปี 2023 เพิ่มขึ้น 24% โดยการเติบโตดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนจากยอดขายรถไฟฟ้าไลน์อัพ Pure Electric ที่ 56% จากยอดขายทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ประกาศแผนกลยุทธ์เพื่อสานต่อเป้าหมายในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และเพื่อเป้าหมายสู่การเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในประเทศไทยภายในปี 2025
เติบโตต่อเนื่อง อย่างมั่นคง
ความสนใจในกลุ่มผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้า Pure Electric ของวอลโว่
ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายเติบโตขึ้นกว่า 56% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งการเติบโตดังกล่าวนำโดยรถไฟฟ้ารุ่นยอดนิยมอย่าง Volvo
XC40 Recharge Pure Electric นอกจากนี้
รถไฟฟ้ารุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปในปีที่ผ่านมาอย่าง Volvo EX30 ก็ได้รับกระแสความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
และคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถไฟฟ้าของ วอลโว่ในปี 2024
ซึ่งการเติบโตที่ต่อเนื่องของรถไฟฟ้าไลน์อัพ Pure Electric ในปี
2022 (เติบโต 35%) และปี 2023 ตอกย้ำถึงความสำเร็จของบริษัทฯในทิศทางการจำหน่ายเพียงรถไฟฟ้าเท่านั้นภายในปี
2025
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์รถ Plug-in Hybrid ก็ยังคงได้รับความนิยม
โดยมีสัดส่วนยอดขายคิดเป็น 44% จากยอดขายทั้งหมด นำโดย Volvo
XC60 Recharge Plug-in Hybrid เป็นรุ่นที่มียอดขายสูงสุดในผลิตภัณฑ์กลุ่มเดียวกัน
คุณคริส เวลส์, กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)
จำกัด กล่าวว่า “ด้วยยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมาแล้ว
3 ปีติดต่อกัน ตอกย้ำให้เห็นว่าเราเดินทางมาในทิศทางที่ถูกต้อง
ผลลัพธ์แห่งความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจากการมีเป้าหมายและเจตนารมณ์ที่ชัดเจน ปี 2024
ถือเป็นอีกปีที่สำคัญของ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ที่จะสานต่อจุดยืนในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่การเป็นยานยนต์ไฟฟ้า”
สานต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างไม่หยุดนิ่ง
ในประเทศไทย วอลโว่ คาร์
ได้วางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อก้าวสู่เป้าหมายให้สำเร็จภายในปี 2025 ได้แก่ ตั้งเป้าการเติบโตทางด้านยอดขายอย่างต่อเนื่องหลังการแพร่ระบาด,
การเริ่มให้บริการซ่อมและบำรุงรักษารถไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่ หรือโมบาย
เซอร์วิสทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ในส่วนของแผนปฏิบัติการเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมทางสภาพอากาศ
บริษัทฯ ก็ได้มีการประกาศเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (C02) โดยเฉลี่ยร้อยละ 70% ต่อคัน
ภายในปี 2025
2024 – ก้าวสู่เส้นทางการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่จำหน่ายเพียงรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบในประเทศไทยภายในปี
2025 วอลโว่ได้วางแผนเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรมการออกแบบ
และเทคโนโลยีประมวลผล คอร์ คอมพิวติ้ง (core computing) เจนเนเรชันล่าสุด
เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงาน และมอบความปลอดภัยแห่งอนาคตให้แก่ผู้ใช้รถ โดยรถไฟฟ้ารุ่นที่จะเปิดตัวในปีนี้
จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้าระดับพรีเมียมของวอลโว่ในปัจจุบันที่มีอยู่แล้วอย่าง
Volvo XC40, C40 และ EX30 ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
ในเจตนารมณ์ด้านการสร้างความยั่งยืน
วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้เริ่มโครงการติดตั้งหลังคาโซลาร์ ณ คลังสินค้า Volvo Car Thailand Central Distribution & Training Center บางนา ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่สำหรับเก็บชิ้นส่วนอะไหล่และอุปกรณ์ล้ำสมัย
ทั้งเป็นศูนย์บริการตรวจเช็ครถตามขั้นตอนโดยละเอียดก่อนส่งมอบแก่ลูกค้า ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จในเดือนเมษายน
2024 พื้นที่กว่า 23,331 ตารางเมตร ของคลังเก็บสินค้าแห่งนี้จะสามารถปฎิบัติการณ์ได้ด้วยพลังงานจากแหล่งไฟฟ้าหมุนเวียนแบบ
100%
นอกจากนี้
วอลโว่ยังมีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์ซ่อมและรีไซเคิลแบตเตอรี่ในประเทศ
โดยเริ่มต้นด้วยโครงการ รีไซเคิลแบตเตอรี่ผ่านความร่วมมือกับ TES ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยีที่ยั่งยืนจากประเทศสิงคโปร์
โดยโครงการเหล่านี้ไม่เพียงมุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน แต่ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการเป็นเจ้าของ
(total cost of ownership) รถไฟฟ้าและรถ Plug-in
Hybrid ของวอลโว่
และด้วยฐานลูกค้าของวอลโว่ในประเทศที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ได้วางแผนที่จะเปิดศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร Volvo Certified Damage Repair Centre แห่งที่ 3 ในปีนี้
เพื่อการเข้าถึงและส่งมอบประสบการณ์การบริการที่สะดวกสบายแก่ลูกค้า
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม
รวมถึงข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับวอลโว่ได้ที่เว็บไซต์ www.volvocars.com/th, Facebook ,
Youtube, LINE หรือเยี่ยมชม Volvo Studio Bangkok ได้ที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม และ เยี่ยมชม Volvo
Downtown Store ได้ที่ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้า
ดิ เอ็มสเฟียร์ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวอลโว่
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-161-4144
No comments:
Post a Comment